ศูนย์เรียนรู้การเพาะเลี้ยงแหนแดง BKA
พืชน้ำสารพัดประโยชน์แชมป์ปุ๋ยพืชสด
ทางกรมวิชาการเกษตรจึงได้มีการนำพันธุ์จากต่างประเทศมาปรับปรุง จนได้สายพันธุ์อะซอลล่า ไมโครฟิลล่า (A. microphylla) ที่ให้ผลผลิตสูงกว่าพันธุ์พื้นเมืองถึง 10 เท่า
แหนแดงเป็นพืชที่สามารเพาะเลี้ยงได้ในภาชนะขนาดเล็ก เช่น กะละมัง กล่องโฟม ไปจนถึงการเพาะเลี้ยงในบ่อดิน หรือทุ่งนา ซึ่งขึ้นอยู่กับความสะดวกของผู้เลี้ยง มีปัจจัยควบคุมการเจริญเติบโตอยู่ 3 อย่าง คือ น้ำ อาหาร และแสงแดด

การเพาะเลี้ยงแหนแดงในกระช้งบก
1.เตรียมกระชังบกขนาด 2×6 เมตร (หาซื้อได้ในออนไลน์ เช่น ลาซาด้า, ช้อปปี้ …) ทั้งนี้่ต้องใช้แสลนกรองแสงประมาณ 50% เป็นหลังคากระชัง เพราะ เคล็ดลับสำคัญคือ แหนแดงเป็นพืชที่ไม่ชอบแดด และไม่ชอบร่มมากจนเกินไป หรือให้ได้แสงแดดอย่างเพียงพอ ราวๆ 50 เปอร์เซ็นต์ หรือเลี้ยงในที่มีแสงแดดรำไรก็ได้ เพราะแหนแดงต้องการแสงแดดเพื่อการเจริญเติบโต
2.ใส่ดินคงในบ่อให้มีความหนาของดินประมาณ 2-3 เซนติเมตร
3.เติมน้ำสะอาดลงไปให้เหนือจากผิวดินประมาณ 10-15 เซนติเมตร ทิ้งไว้ให้ตกตะกอนประมาณ 1-2 วัน จึงปล่อยแหนแดงลงไปในกระชังเพื่อทำการเพาะเลี้ยง (ควรใช้น้ำบาดาลหรือน้ำบ่อจะดีกว่าน้ำประปาที่ปล่อยจากก้่อกโดยครง แต่หากจำเป็นต้องใช้น้ำประปาก็ต้องใส่ทิ้งไว้ 2-3 วัน ก่อนปล่อยแหนแดง
4..ใส่แหนแดง ประมาณ 10 กิโลกรัม จากนั้นประมาณ 1-2 สัปดาห์ แหนแดงที่ปลูกจะเติบโตสามารถนำแหนแดงมาใช้ประโยชน์ หรือทำการเพาะขยายพันธุ์ต่อไปได้ ทั้งนี้ไม่ควรปล่อยให้แหนแดงหนาแน่นจนเกินไป เพราะอาจทำให้แหนแดงที่อยู่ด้านล่างไม่ได้รับแสง ทำให้เกิดการเน่า และ เป็นที่หลบซ่อนของหนอน และ แมลงได้ เมื่อแหนแดงเจริญเติบโตเต็มกระชังก็สามารถ ตักแหนแดงไปทำการชยายพ ันธุ์ข่อ เช่น ปล่อยในกระชังอื่น หรือสามารถน่าไปปล่อยต่อในพื้นที่ที่ต้องการ เช่น บ่อดิน อ่างน้ำ กาละมัง ฯลฯ













เมื่อโรงเรือนไม้ไผ่ "ต้องยอม" เปลี่ยนแปลง
เมื่อโรงเรือนแหนแดงเก่าที่เลี้ยงแหนแดงในกระชังบกที่ทำด้วยโครงไม้ไผ่ซางหม่นใช้ไปได้ระยะเวลาประมาณปีกว่าๆ พบว่า โครงไม้ไผ่ได้ชำรุดทรุดโทรมไปตามกาลเวลา
ผู้จัดการโครงการฯ พี่ชาติ (สิทธิชาติ ตุ่มเจริญ) ก็ได้รายงานเข้ามาว่า ขณะนี้โรงเรือนเพาะแหนแดงผุพังไปมาก เสนอว่า…ควรเปลี่ยนเป็นโครงสร้างถาวรที่ทำด้วยเสาปูนและโครงเหล็กกัลวาไนซ์เพื่อจะทนทานใช้ได้นาน และที่สำคัญคือ ทีมงานเกษตรกรวันหยุดสามารถก่อสร้างเองได้ โดยไม่ต้องจ้างช่างภายนอกมารับเหมา ซึ่งปัจจุบันนั้นค่าจัดจ้างทำโรงเรือนแบบนี้ค่อนข้างราคาสูง เพราะหมวดค่าแรงจ้างช่างในบางคล้าเป็นแรงงานราคาสูง (ใช้ช่างคนไทย)
หลังจากได้รับทราบปัญหาโครงสร้างโรงเรือนไม้ไผ่ผุพัง ผู้บริหารก็เห็นชอบตามที่ ผจก. เสนอในวงเงินไม่เกิน 15,000 บาทโดยทำกันเอง ท่านผู้จัดการก็คำนวณโครงสร้างเหล็กกัลวาไนซ์ แล้วไปสั่งซื้อที่โรงเหล็ก ดังนี้.
ที่อยู่ โครงการบางคล้าอะโกร จำนวน 3 รายการ คือ
1. เหล็กกล่องซิงค์ ขนาด 3X1.5 X1.5มม. จำนวน 24 เส้นๆละ 365 บาท เป็นเงิน 8,760.-
2. เหล็กกล่องซิงค์ ขนาด 3/4×3/4×1.2 มม. จำนวน 18 เส้นๆละ 115 บาท เป็นเงิน 2,070.-
3. ลวดเขื่อม 2.6 โกเบ จำนวน 1 กล่องๆละ 160.- เป็นเงิน 160.-บาท
รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 10,990.-



D-Day สร้างโรงเรือนถาวร
เมื่อวันเสาร์ที่ 11 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา ทีมช่างวันหยุดก็ร่วมด้วยช่วยกันจัดสร้างโรงเรือนแหนแดง


บรรดาพี่ช่างทั้งหลาย 5 คนก็ช่วยกันประกอปอาคารโรงเพาะแหนแดง ภายใต้การควบคุมชองช่างใหญ่ คือ ผู้จัดการคนเก่งของเรา (พี่ชาติเจ้าเก่า)






